แนะนำ+รีวิว หนังสือแปล/วรรณกรรมเยาวชน ที่ควรคู่กับการซื้อมาอ่านนน

         🙏สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ นักอ่านทุก ๆ คนวันนี้สีขาวมีหนังสือดี ๆ จะมาแนะนำเพื่อน ๆ อีกแล้วค่ะ📗 คราวที่แล้วเราได้รีวิวเป็นหนังสือเรื่องสั้นออกแนวแฟนตาซีไป รีวิวหนังสือ Atompakon คราวนี้เราจะมาแนะนำหนังสือที่เป็นวรรณกรรมและหนังสือแปลบ้างค่ะ เราเชื่อว่าทุก ๆ คนที่อ่านบล็อกของเราก็มีความสนใจในเรื่องของหนังสือและต้องเคยได้อ่านวรรณกรรมและหนังสือแปลมาบ้าง ซึ่งหนังสือที่เราที่เราจะมารีวิวและแนะนำในครั้งนี้ ค่อนข้างจะเป็นที่แพร่หลายในวงการหนังสืออย่างมาก จึงคิดว่าทุกคนน่าจะรู้จักหนังสือพวกนี้ผ่านตากันมาบ้างค่ะ เราเลยได้มาแนะนำเพื่อให้เพื่อน ๆ ประกอบการตัดสินใจในการซื้อมาอ่านกันนนน (เขาไม่ได้จ่าย แต่เพราะเราชอบจริง ๆ นะเหวยยย) 💖💨

👇เนื้อหาทั้งหมดต่อไปนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเรา และไม่ได้มีเจตนาจะละเมิดลิขสิทธิ์ของเจ้าของผลงานแต่อย่างใด แต่มีเจตนาที่อยากจะเผยแพร่สิ่งที่เป็นประโยชน์เท่านั้นนะคะ👇


แนะนำ+รีวิวหนังสือแปล/วรรณกรรมเยาวชน ที่ควรค่ากับการซื้อมาอ่านนน 📚



1.ต้นส้มแสนรัก 🧡🌳



เรื่องนี้เป็นหนังสือแปลที่จัดอยู่ในหมวดหมู่วรรณกรรมเยาวชน โดยเรื่องนี้จะมีทั้งหมดสองเล่มคือภาค1 และ ภาค2(จบ) โดยเนื้อเรื่องจะกล่าวถึงเด็กผู้ชายที่ชื่อ "เซเซ่" (เราชอบเรียกว่าน้องเซเซ่) เรียกได้ว่าเป็นการเล่าเรื่องของน้องตั้งแต่น้องยังเป็นเด็กเล็ก ๆ โตเป็นวัยรุ่น จนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ โดยทั้งชีวิตของน้องเซเซ่จะเจอเรื่องราวมากมายทั้งดีและร้าย แต่น่าสงสารเพราะส่วนใหญ่แล้วน้องมักจะเจอเรื่องไม่ดีซะมากกว่าตั้งแต่เด็กจนโต ทำให้เราอดคิดไม่ได้เลยว่า ทำไมน้องถึงเป็นเด็กชายที่โชคไม่เข้าข้างเอาซะเลย แต่ก็ทำให้เราตระหนักขึ้นมาได้ว่านี่แหละชีวิตคน ต้องพบเจอเรื่องร้าย ๆ และอุปสรรคอยู่เสมอ แต่ไม่ว่ายังไง ทุกเรื่องที่เจอก็คือประสบการณ์ที่หล่อหลอมทั้งความสุข ความเศร้า ความผิดหวัง ความสมหวัง จนเติบโตขึ้นมาเป็นเราในทุกวันนี้ สิ่งที่ต้องมีในการรับมือกับเรื่องต่าง ๆ คือความอดทนแบบที่น้องเซเซ่มีมาตลอด เรื่องนี้ทำให้เราเห็นพฤติกรรมของมนุษย์ผู้ชายตามวัยอย่างชัดเจน ด้วยความที่น้องเซเซ่ก็เป็นคน ๆ นึง มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง ทำให้เราได้เห็นทั้งพฤติกรรมและข้อดีข้อเสียในทุก ๆ วัย เช่นความไร้เดียงสาและความซุกคนในวัยเด็ก ความอ่อนโยนและความเจ้าเล่ห์ในวัยรุ่น เช่นนี้เป็นต้น เรารู้สึกเมือนกับว่าได้เติบโตไปพร้อม ๆ กับน้อง และจะเห็นได้ชัดเจนว่าทุกอย่างที่น้องได้เจอมาทั้งชีวิต ทำให้น้องได้เติบโตมาเป็นคนแบบไหน เรียกได้ว่าหนังสือเล่มนี้เหมือนกับถ่ายทอดชีวิตของคน ๆ นึงออกมาให้เราได้อ่าน เราจึงเกิดเป็นความรู้สึกที่ผูกพันกับตัวละครน้องเซเซ่ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว มีหลายพาร์ทที่เราอินมากจนเสียน้ำตาเพราะความสงสารและเห็นใจ และตอนจบของเรื่อง ไม่ได้จบอย่างสวยงาม Happy ending ค่อนข้างจะจบลงด้วยความหน่วง ๆ เคว้ง ๆ ด้วยซ้ำไป แต่มันก็ทำให้เราเข้าใจเลยว่าหนังสือเล่มนี้คือความหมายของชีวิตคนอย่างแท้จริง เพราะชีวิตเราคงไม่มีคำว่า "Happy ending" คงมีแต่คำว่า "Life must go on"


2.หลุม 🕳

เครดิต : SE-ED

เล่มนี้เป็นวรรณกรรมเยาวชนอีกเล่มที่เราค่อนข้างจะชอบมาก และอยากให้ทุกคนได้อ่านเหมือนกับเรา แถมเรื่องนี้ยังได้ถูกนำไปทำเป็นภาพยนตร์ชื่อว่า "HOLES" อีกด้วย โดยเนื้อเรื่องจะกล่าวถึงเด็กชายที่ชื่อ "สแตนลีย์ เยลแนต์" ที่ถูกส่งไปยังค่ายกรีนเลก ซึ่งเป็นสถานพินิจเด็ก แต่เหตุผลที่เขาถูกส่งตัวไปนั้น เพราะคิดว่าเกิดจากความโชคร้ายของวงตระกลูของตนเอง ที่ส่งต่อความโชคร้ายไปยังรุ่นสู่รุ่น และน้องสแตนลีย์ก็จะเข้าไปพบเพื่อน ๆ และความแปลก ๆ ที่มีในค่ายกรีนเลกซึ่งนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะเล่าไปถึงเรื่องราวมากมายทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมถึงเหตุผลที่เกิดค่ายกรีนเลกขึ้นมาด้วย เหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้เราชอบเรื่องนี้คือ มีเนื้อเรื่องที่เข้มข้น โดยเนื้อเรื่องจะเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ส่งผลร้ายมาถึงปัจจุบัน ทำให้เวลาเราอ่าน เราอุทานคำว่า"อ๋อ" ไปกี่ครั้งก็นับได้ไม่ถ้วน เป็นหนังสือที่อ่านแล้วหยุดอ่านได้ยาก เพราะมีเรื่องที่ทำให้เราอยากรู้อยู่ตลอด ๆ เพราะอดีตเป็นแบบนี้นะ ปัจจุบันถึงได้เป็นแบบนี้ พออ่านแล้วเกิดได้รู้ที่มาที่ไปและความจริงหลาย ๆ อย่าง จึงทำให้เราเข้าใจเนื้อเรื่องมากขึ้น ยิ่งรู้ยิ่งตื่นเต้น ยิ่งอ่านยิ่งสนุก ภายในเรื่องจะมีปมสำคัญที่ต้องให้ตัวละครแก้ และจุดที่เราชอบมากที่สุดในเรื่องนี้ก็คือ การแก้ปมที่ไม่ได้ตั้งใจแก้ ต้องบอกตามตรงว่า ตอนที่เราได้อ่านในจุดนี้ เราค่อนข้างจะไม่เข้าใจ ตีความไม่แตก จึงได้ไปอ่านซ้ำเป็นครั้งที่สองพร้อมกับดูภาพยนตร์ไปด้วยพอเราเข้าใจและจับต้นชนปลายได้ เราก็ "อ๋ออออ"ออกมาอีกครั้งนึง เรียกได้ว่าเป็นครั้งที่ยาวที่สุดเลยก็ว่าได้ หลังจากอ่านจบและเข้าใจเรื่องทั้งหมด ทำให้เรานึกชมผู้เขียนอยู่ในใจ เพราะเขาเขียนเรื่องนี้ออกมาได้สุดยอดและสนุกจริง ๆ (ในที่นี้ต้องยกความดีความชอบให้ผู้แปลด้วย) โดยเขาสามารถนำเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งอดีต ปัจจุบัน รวมถึงปัญหามาเชื่อมโยงกันได้อย่างสมูท นอกจากนี้เล่มนี้ยังกล่าวถึงปัญหาต่าง ๆ ในสังคมยุคก่อนด้วย เช่น การเหยียดสีผิว ความไม่เท่าเทียม ระบบที่ดำเนินไปอย่างไม่ขาวสะอาด และอีกหลาย ๆ ปัญหาที่แสดงถึงความบิดเบี้ยวของสังคมและมนุษย์ เราจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเล่มนี้ถึงเป็นวรรณกรรมที่มีชื่อเสียง เพราะดีแบบนี้นี่เอง


3.เจ้าชายน้อย 🤴



หลาย ๆ คนคงรู้จักหรือเห็นหนังสือเล่มนี้อยู่บ่อย ๆ ตามร้านหนังสือ หรือไม่ก็คงเห็นในรูปแบบอื่น ๆ ด้วย เพราะเจ้าชายน้อยได้ถูกนำไปทำเป็น การ์ตูน พอสแคสต์ และสื่ออื่น ๆ อีกมากมาย เป็นหนังสือที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงมากเลยทีเดียว สำหรับเราแล้วเจ้าชายน้อยเป็นหนังสือที่ดีมากเล่มหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะต้องอ่านซ้ำไปสองรอบจึงจะเข้าใจก็ตาม ซึ่งตรงกับคีย์เวิร์ดของหนังสือไม่มีผิด "เราจะมองเห็นอะไรแจ่มชัดด้วยหัวใจ สิ่งสำคัญนั้นไม่อาจเห็นได้ด้วยตา" การอ่านเจ้าชายน้อยจึงต้องใช้หัวใจในการรับรู้ความหมายต่าง ๆ ในหนังสือนั่นเอง เสน่ห์ของเจ้าชายน้อยในความคิดของเราก็คือ การแทรกข้อคิดและคำสอนลงไปในพาร์ทต่าง ๆ โดยไม่ได้สื่อออกมาตรง ๆ แต่มักจะถ่ายทอดออกมาในเชิงสัญลักษณ์ซะมากกว่า และการดำเนินเรื่องนั้นก็มีตัวละครเจ้าชายน้อยที่ได้เดินทางไปตามดวงดาวต่าง ๆ และพบกับผู้คนที่มีการกระทำที่แตกต่างกันออกไป โดยจะแทรกข้อคิดที่ต่างกันไว้ในทุก ๆ ดาว เช่น ความเข้าใจยากของผู้ใหญ่ ความลุ่มหลง อำนาจ ความรัก การงาน การติดอยู่ในกรอบเดิม ๆ และด้วยความที่ถูกดำเนินเรื่องโดยตัวละครที่เป็นเด็กผู้ชาย ความคิดความอ่านในเรื่องจึงออกมาเป็นอย่างเด็ก ๆ แต่ในความคิดเด็ก ๆ นั้น กลับไม่ได้ดูไร้สาระ เหลวไหล ในทางกลับกันกลับช่วยปลุกจิตใจความเป็นเด็กในตัวเราขึ้นมาอีกด้วย ซึ่งนั่นไม่แย่เลยที่เรารู้สึกถึงความเป็นเด็กในตัวเอง เรากลับคิดขึ้นมาว่า "นานแค่ไหนแล้วนะที่เราลืมความเป็นเด็กในตัวเองไป เด็กน้อยที่มีความสุขกับเรื่องง่าย ๆ เต็มเปี่ยมด้วยพลัง และมีจินตนาการที่เยี่ยมยอด" เจ้าชายน้อยจึงเป็นหนังสือที่เราคิดว่าแฝงข้อคิดไว้มากมาย และมีหลายบทในเจ้าชายน้อยที่เราชอบมาก ๆ เพราะด้วยความสวยงามของภาษา มีความลื่นไหลและเต็มไปด้วยจินตนาการ


4.เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก 👫



เล่มนี้เป็นหนังสือที่เขียนโดยคนไทย จึงมีความเป็นไทยอยู่อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของ วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี โดยที่เราทราบเรื่องนี้มีทั้งหมด 4 เล่มด้วยกัน เป็นหนังสือที่เป็นเรื่องสั้นเป็นตอน ๆ แต่ละตอนจะกล่าวถึงแต่ละเรื่องแตกต่างกันออกไป ซึ่งส่วนมากจะเป็นเรื่องราวของคนสมัยก่อน ในสมัยรัชกาลที่6-7เช่น การใช้ชีวิตในยุคนั้น การละเล่นพื้นบ้าน ภูมิปัญญาชาวบ้าน การทำอาหาร การประดิษฐ์ข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงนิสัยใจคอของคนในยุคนั้น เป็นหนังสือที่เราสามารถอ่านได้เพลิน ๆ ด้วยความที่เราอยู่ในยุคที่มีความแตกต่างออกไป เมื่อเราได้รู้ว่าคนสมัยก่อนมีชีวิตแบบไหน ทำอะไรยังไง ทำให้เราเกิดความสนใจขึ้นมาและไม่เบื่อที่จะอ่าน และได้เห็นถึงความงดงามของบ้านเมืองสังคมสมัยก่อนอย่างชัดเจน


     ก็หมดลงไปแล้วนะคะสำหรับการแนะนำหนังสือแปลและวรรรณกรรมเยาวชนของเรา รีวิวแค่ 4 เล่มแต่รีวิวออกมายาวและค่อนข้างละเอียดเลยค่ะ เพราะหนังสือพวกนี้เป็นหนังสือเล่มโปรดของเราทั้งนั้นเลย หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่สนใจและกำลังจะตัดสินใจซื้อหยังสือสักเล่มนะคะ 💖

🙏ขอบคุณที่เข้ามาอ่านบล็อกของเรากันนะคะ ใครมีความสนใจด้านภาษา หนังสือ และบทกวี ก็อยากจะฝากให้ติดตามเราไว้ได้เลยค่ะ เราจะเขียนบล็อกเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกเยอะแน่นอนนน 😁

ความคิดเห็น

  1. น่าอ่านมากเลยค่ะไว้เดี๋ยวเค้าไปซื้อมาอ่านบ้าง

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โวหารภาพพจน์ฉบับเข้าใจง่ายยย สไตล์เพื่อนสอนเพื่อน

เทคนิคการแต่งโคลงสี่สุภาพ บทประพันธ์สุดหินของเด็กมัธยมมม

รีวิวหนังสือ ATOMPAKON